วันศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

ยุติด้วยธรรม และการแ้ก้ปัญหาที่รากเหง้า



ยุติด้วยธรรม และการแ้ก้ปัญหาที่รากเหง้า



ปรับปรุงจากการสัมภาษณ์พระไพศาล วิสาโล


โดยหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ


วันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๓

http://www.visalo.org/

ตอนนี้คนไทยมีความทุกข์กันมาก จากนี้ไปคนไทยเราจะอยู่กันอย่างไรในสภาพที่มีความขัดแย้งกันอย่างหนักอยู่ในขณะนี้


จะต้องมีการเยียวยาความเจ็บปวดความสูญเสียที่เกิดขึ้น อันนี้เป็นเรื่องแรก ถ้าหากยังเยียวยายังไม่เสร็จ ก็อย่าไปเพิ่มแผลให้มากขึ้น คืออย่าแก้แค้นตอบโต้กัน ตอนนี้เขาถูกมองว่าเป็นจำเลยของสังคม คนเสื้อแดงนี้อาตมาไม่ได้หมายถึงผู้ชุมนุม แต่รวมถึงผู้สนับสนุน คนที่เป็นแนวร่วม ซึ่งมีจำนวนมากมายหลายสิบเท่าของผู้ชุมนุมที่ราชประสงค์ คนเหล่านี้อาจดูโทรทัศน์ที่บ้าน ซึ่งมีเยอะมาก คนเหล่านี้ตอนนี้ได้กลายเป็นจำเลยของสังคม โดยเฉพาะในยามที่เสื้อแดงเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ อาตมาไม่อยากเห็นคนที่ไม่ใช่เสื้อแดงไปแก้แค้น ระบายความโกรธใส่แนวร่วมเสี้อแดงเหล่านั้น เพราะมันจะกลายเป็นการผลักคนเหล่านี้ให้กลายเป็นศัตรูหรือเหินห่างจากเรายิ่งกว่าเดิม

ตอนนี้ก็มีช่องว่างกันมากอยู่แล้วระหว่างคนเสื้อแดงกับคนไม่แดง ซึ่งอาจเป็นเหลือง เป็นชมพู ถ้าหากคนในสังคมไประบายความโกรธใส่แนวร่วมเสื้อแดงเหล่านี้ ซึ่งอาจเป็นเพื่อนบ้าน เป็นคนในชุมชนเดียวกัน ก็จะทำให้เขาถูกผลักออกไปจากส่วนที่เหลือของสังคม ซึ่งจะทำให้ความแตกแยกร้าวลึกมากขึ้น

คนที่ไม่ใช่เสื้อแดงจะต้องระวังอย่าไปส่งเสริมให้เกิดคนเสื้อแดงมากขึ้น ด้วยการระบายความโกรธใส่เขาหรือใส่คนที่คิดไม่เหมือนเรา ทั้ง ๆ ที่คนเหล่านี้อาจไม่ได้ไปชมนุมเลย ไม่ได้ร่วมประท้วงเลย ไม่ได้เกี่ยวข้องกับความรุนแรงที่เกิดขึ้นเลย แต่ถ้าหากเขาถูกกระทำอย่างนี้เขาก็จะฝังใจ และยากที่เขาจะก้าวเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยได้ อันนี้ต้องระวัง

อาตมาอยากให้นึกถึงเหตุการณ์หลัง ๖ ตุลา ๑๙ คนจำนวนมากไม่ได้เป็นซ้าย ไม่ได้เป็นคอมมิวนิสต์ เขาแค่เห็นด้วยกับนักศึกษาที่ประท้วงที่ธรรมศาสตร์ แต่เมื่อมีการปราบปรามนักศึกษาประชาชน ตามมาด้วยการรัฐประหาย เผด็จการฝ่ายขวาขึ้นมา ก็มีการต่อต้านนักศึกษารวมทั้งครอบครัวของเขา เช่น พ่อแม่ของเขา ทำให้นักศึกษาจำนวนไม่น้อยอยู่ไม่ไหว บางคนกลัวภัยมาถึงตัว บางคนรู้สึกว่าอยู่ไม่ได้แล้วในสังคมแบบนี้ก็เลยเข้าป่าไป แต่ตอนนี้เขาไม่มีป่าจะเข้าแล้ว เขาอยู่ในเมือง เขาก็อาจเป็นปฏิปักษ์กับสังคมส่วนที่เหลือได้ เขาอาจเป็นแนวร่วมที่คอยสร้างความวุ่นวายได้ เราต้องระวังอย่าไปผลักเขาให้ทำอย่างนั้น จะต้องอ้าแขนรับคนที่เป็นแนวร่วมเสื้อแดง อย่าไปโกรธเกลียดเขา พยายามเข้าใจความเจ็บปวดของเขา แน่นอนทุกฝ่ายก็เจ็บปวดด้วยกันทั้งนั้น ทุกฝ่ายก็เคียดแค้น แต่ถ้าเราต้องการให้สังคมคืนสู่ความสงบสุข นี้คืออย่างแรกที่เราต้องช่วยกันทำ

ในระยะยาวเราก็ต้องยอมรับว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ขบวนการเสื้อแดงเติบใหญ่ ก็เพราะมีความไม่เป็นธรรมในสังคม มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ มีความไม่เป็นธรรมในลักษณะสังคมสองมาตรฐานด้วย เรื่องนี้ไม่เฉพาะคนในชนบทที่รู้สึก คนในเมืองที่สนับสนุนคุณทักษิณก็รู้สึกตรงนี้มาก คนเหล่านี้ไมได้ยากจน มีฐานะดีกว่าคนชนบท แต่เขารู้สึกว่าสังคมไทยเป็นสังคมสองมาตรฐาน จึงสนับสนุนการต่อสู้ของคนเสื้อแดง เรื่องนี้อาตมาคิดว่ารัฐบาลก็ตระหนักแล้ว ชนชั้นนำก็ตระหนักแล้ว นักธุรกิจก็ตระหนักแล้วว่ามันมีปัญหาอย่างนี้จริง ๆ ซึ่งทำให้ ขบวนการเสื้อแดงเติบใหญ่ ทำให้คนเหล่านี้เข้ามาสนับสนุนคุณทักษิณและแกนนำที่พูดเรื่องนี้ พอคุณทักษิณพูดเรื่องนี้เขาก็เทใจเข้ามาร่วมเป็นผู้สนับสนุนคุณทักษิณภายใต้การชี้นำของแกนนำเหล่านี้

พูดอย่างนี้หมายความว่าถึงแม้ไม่มีคุณทักษิณ แต่ถ้ามีใครพูดแบบนี้ที่แสดงให้เห็นว่าต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม ต่อสู้เพื่อสังคมที่ไม่มีสองมาตรฐาน ประชาชนจำนวนไม่น้อยก็จะไปสนับสนุนคนเหล่านี้ ถึงแม้คุณทักษิณจะหมดความหมายไปในอนาคต แต่ถ้ามีคนอย่างนี้ขึ้นมาอีกก็จะเกิดปัญหาอย่างที่เกิดขึ้นตอนนี้ เพราะฉะนั้นอย่าไปมองว่าการประท้วงของคนเสื้อแดงเป็นเพราะคุณทักษิณคนเดียว อาตมาเชื่อว่าแม้คุณทักษิณมีอันเป็นไป ก็จะมีนักการเมืองแบบคุณทักษิณ ซึ่งสามารถปลุกระดมมวลชนและทำให้เกิดการต่อสู้ในลักษณะที่คนเสื้อแดงทำมาแล้ว ก็คือทำให้เกิดความขัดแย้งต่อสู้และเกิดความรุนแรงในที่สุด ดังนั้นเราต้องช่วยกันแก้ไขปัญหานี้ ไม่ว่าคุณใส่เสื้อใดก็ตาม จะเป็นนักการเมือง นักธุรกิจ หรือว่าชนชั้นกลางในเมือง จะต้องรวมพลังผลักดันให้มีการปฏิรูปประเทศ คือ ลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ลดความไม่เป็นธรรมในสังคม รวมทั้งไม่ให้มีสองมาตรฐาน

เราต้องยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เป็นส่วนขยายจากเหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลายคนมองว่ามันไม่เกี่ยวกัน เป็นคนละเรื่อง แต่อาตมาคิดว่าเป็นเรื่องเดียวกัน คือเป็นความเจ็บป่วยที่เกิดจากสาเหตุเดียวกัน ความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็เกิดจากสองเรื่องนี้เป็นหลัก คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติหรือ กอส.หลังจากศึกษาข้อเท็จจริงมา ๑ ปีก็พบว่าสิ่งที่เป็นตัวการทำให้เกิดความรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็คือความยากจน คนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้มีรายได้เฉลี่ยต่ำกว่าทุกภาคของประเทศ และมีปัญหาความไม่เป็นธรรมเจ้าหน้าที่รัฐ ก็คล้าย ๆกับที่คนเสื้อแดงพูดคือมีความไม่เป็นธรรม มีความเหลื่อมล้ำ

ในกรณีสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผู้ก่อการร้ายหรือขบวนการแบ่งแยกดินแดนมีตลอด แต่ที่ผ่านมาไม่เติบใหญ่ ส่วนหนึ่งก็เพราะชาวบ้านที่นั่นไม่รู้สึกมากถึงปัญหานี้จนกระทั่งระยะหลังก็รู้สึกมากว่าตัวเองไม่ได้รับความเป็นธรรม ก็เลยพากันเป็นแนวร่วมกับกองกำลังติดอาวุธทั้ง ๆ ที่เขายังอยากอยู่เมืองไทย ยังเคารพในหลวงของเรา แต่เขาก็ไปเป็นแนวร่วมกับกองกำลังแบ่งแยกดินแดน ซึ่งชูธงศาสนา ชูธงชาติพันธุ์มลายู แกนนำเหล่านี้ก็เหมือนกับคุณทักษิณคือ ไม่สามารถดึงเอาประชาชนมาเป็นแนวร่วมถ้าหากไม่มีสาเหตุรากเหง้าทางสังคมเศรษฐกิจมามาเป็นตัวกระตุ้น ในกรณีสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้รัฐบาลจะปราบหรือจับกุมแกนนำก่อการร้ายได้ มันก็ยังต้องเกิดปัญหาอย่างที่เกิดขึ้นอยู่นั่นเอง ในกรณีขบวนการคนเสื้อแดงก็เช่นกัน ถึงแม้จัดการคุณทักษิณได้หรือคุณทักษิณเกิดมีอันเป็นไป มันก็ต้องมีคนแบบคุณทักษิณมาปลุกระดมผู้คนและเกิดการต่อต้านประท้วงแบบนี้อีก ดังนั้นการแก้ปัญหาความแตกแยกรุนแรงนี้ต้องแก้ที่ซึ่งก็ตรงกับที่นายก ฯ อภิสิทธิ์พูดว่าต้องมีการปฏิรูปประเทศจึงจะเกิดความปรองดองในชาติได้ แต่อย่าเพียงแค่พูด เพราะพูดกันมามากแล้ว มันต้องทำกันจริงๆ เรื่องนี้รัฐบาลทำฝ่ายเดียวไม่ได้ ประชาชนทุกฝ่ายต้องเห็นด้วยและสนับสนุนด้วย เช่น ต้องมีการผลักดันเรื่องภาษีที่ดินแบบก้าวหน้า ปฏิรูปที่ดิน มีภาษีมรดก นี้เป็นตัวอย่างในการลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจไม่ใช่ว่าพอพูดเรื่องภาษีที่ดิน ภาษีมรดก ก็พากันส่ายหัวเพราะกลัวสูญเสียผลประโยชน์ ถ้าคิดแบบนี้ก็ไม่มีหวังจะปฏิรูปประเทศไทยได้ แล้วก็จะเกิดความรุนแรงแบบนี้อีก

คนเสื้อแดงตอนนี้ก็มีความรู้สึกเจ็บปวดเคียดแค้นมาก ท่านมีอะไรจะแนะนำคนเสื้อแดงไหม

อาตมาอยากบอกคนเสื้อแดงว่า การแก้ปัญหาด้วยวิธีรุนแรงไม่ว่าด้วยการใช้อาวุธต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ หรือก่อวินาศกรรม ทำสงครามใต้ดิน จะไม่ทำให้บรรลุสังคมที่พึงปรารถนาอย่างที่เราต้องการได้เลย สิ่งที่เราต้องการคือสังคมมีมาตรฐานเดียว มันไม่สามารถบรรลุด้วยวิธีรุนแรงได้ ไม่สามารถบรรลุได้เพียงเพราะเปลี่ยนรัฐบาล อย่างที่เขาเรียกร้องว่าถ้ามีการยุบสภา มีการเลือกตั้งแล้วจะได้พรรคการเมืองของตัวขึ้นมาเป็นรัฐบาล ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นจริงมันก็ไม่ช่วยให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างที่ต้องการได้ เพราะมันเป็นการเปลี่ยนแปลงทางโครงสร้างซึ่งต้องอาศัยสติปัญญา ต้องอาศัยการร่วมแรงร่วมใจ ฉะนั้นคนเสื้อแดงต้องตระหนักว่า ความรุนแรงแรงไม่ใช่คำตอบ มันมีแต่จะทำให้เกิดความรุนแรงและเกิดปัญหามากขึ้น แต่แน่นอนคนเสื้อแดงไม่ได้คิดเรื่องสังคมมาตรฐานเดียว ตอนนี้เขาคิดอย่างเดียวว่าทำอย่างไรจะทำให้รัฐบาลปั่นป่วนจนอยู่ไม่ได้ ดังนั้นต้องก่อความรุนแรง คิดแบบนี้ก็ต้องระวัง เพราะความรุนแรงที่เกิดขึ้น เราแน่ใจได้อย่างไรว่าจะไม่กระทบกับพี่น้องของเรา ซึ่งก็อยู่ในสังคมนี้เหมือนกัน ถ้าเราก่อวินาศกรรมหรือเผาบ้านเผาเมือง เราอาจรู้สึกสะใจที่ได้ตอบโต้แก้แค้น สนองความโกรธแค้นของเรา แต่อาจเดือดร้อนกับญาติพี่น้องของเรา อีกทั้งยังทำลายบ้านเมืองที่เราอยากทำให้ดีขึ้น อาตมาอยากให้คนเสื้อแดงตั้งสติ และตระหนักว่าอย่าระบายความโกรธด้วยวิธีการแบบนี้

เมื่อวานมีการวางเพลิงเผาสถานที่ต่าง ๆ ทำไมถึงเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ผู้เดือดร้อนควรจะทำอย่างไร

อาตมามองว่าเหตุเพลิงไหม้เมื่อวานบอกอะไรหลายอย่าง มันไม่ได้เกิดจากรับจ้างหรือต้องการปล้นสะดมอย่างเดียว แต่เกิดจากความโกรธแค้น เป็นเพราะผู้โกรธแค้นพยายามพุ่งเป้าไปที่องค์กรหน่วยงานสถานที่ที่ที่เขารู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกับรัฐบาล อาตมาอยากย้อนไปตอนเกิดเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา หลังจากที่รัฐบาลส่งทหารมาปราบปรามนักศึกษาประชาชนที่ประท้วงที่ราชดำเนิน ประชาชนโกรธแค้นมาก ก็เลยวางเพลิงตามที่ต่าง ๆ วางเพลิงที่ไหน ที่กองสลาก ที่กรมประชาสัมพันธ์ และหน่วยงานของพันเอกณรงค์ ลูกชายจอมพลถนอมซึ่งเป็นเผด็จการ เขาต้องการระบายความโกรธใส่สถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของรัฐบาล

แต่มาถึงตอนนี้ความโกรธไม่ได้ระบายที่หน่วยงานภาครัฐอย่างเดียว แต่ยังระบายไปที่ภาคธุรกิจที่เป็นแนวร่วมรัฐบาล หรือเป็นภาพสะท้อนความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ เช่นห้างสรพสินค้า ธนาคาร อันนี้เป็นสัญญาณว่ามีความไม่พอใจภาคธุรกิจเหล่านี้ วิธีการแก้จึงไม่ใช่การปราบปรามไล่ยิงผู้วางเพลิง อย่าไปคิดว่าทำแบบนี้จบ มันไม่จบ อันนี้เป็นสัญญาณบอกว่าเราต้องจัดการกับความรู้สึกโกรธแค้นด้วย เริ่มจากยอมรับว่าเขามีความโกรธเกลียดไม่พอใจที่มีความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ แล้วแก้ไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำ

วิธีการที่จะต่อสู้กับความโกรธเกลียดต้องไม่ใช้ความรุนแรง แต่ต้องพยายามชนะใจเขา ต้องดึงเขามาเป็นพวกให้ได้ วิธีการเยียวยาความโกรธเกลียดต้องไม่ใช่การตอบโต้ด้วยความรุนแรงแรง ความรุนแรงทำได้อย่างมากแค่กำจัดคนโกรธเกลียด แต่ไม่สามารถกำจัดความโกรธเกลียดได้ เราต้องใช้สติปัญญาถึงจะแก้ปัญหาในระยาวได้ เรื่องกระบวนการทางกฎหมายก็ว่ากันไป อาตมาเห็นด้วย แต่ว่านั้นเป็นการแก้ปัญหาระยะสั้น

สำหรับผู้ที่สูญเสียและได้รับผลกระทบจากการชุมนุมของคนเสื้อแดง ควรจะวางใจอย่างไรดี

เมื่อเกิดความโกรธแค้นมันก็จะเผาลนจิตใจเรา มันทำร้ายเราเป็นคนแรก เราโกรธใครก็ตาม คนที่เราโกรธเขาไม่เดือดร้อน แต่เราต่างหากที่เดือดร้อนและทุกข์เป็นคนแรก ดังนั้นอย่าทำร้ายจิตใจตัวเราด้วยการปล่อยให้ความโกรธเผาลนจิตใจ

ประการที่สองเราก็ต้องตระหนักว่าเมื่อเราโกรธแล้ว เราก็ระบายความโกรธใส่ผู้อื่น ก็จะเกิดการจองเวร เวรนั้นจะย้อนกลับมาที่เรา ถ้าราโกรธเกลียดเขา ทำร้ายเขา เขาก็ต้องหาทางแก้แค้น ถ้าแก้แค้นโดยตรงไม่ได้ เขาก็แก้แค้นด้วยการทำลายทรัพย์สิน วางเพลิง จุดไฟเผา มันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาเลยมีแต่สร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา

ประการต่อมาถ้าเราหวังดีต่อบ้านเมือง เราก็อย่าเป็นแนวร่วมมุมกลับให้กับคนเสื้อแดง แนวร่วมมี ๒ อย่างคือคนที่เชียร์ที่สนับสนุน อีกอย่างคือคนที่โกรธเกลียดเขาและใช้ความรุนแรงกับเขา ทำให้เขาเป็นคนเสี้อแดงที่เข้มข้น จากเสื้อแดงอ่อน ๆ ก็เป็นเสื้อแดงที่เข้มข้นสุดโต่ง ซึ่งไม่เป็นผลดีกับบ้านเมือง ถ้าเรารักชาติบ้านเมืองก็อย่าไปเป็นแนวร่วมมุมกลับคนเสื้อแดง ต้องตั้งสติ ต้องช่วยกันเตือน โกรธได้ แต่ให้มีสติรู้ทันความโกรธ อย่าทำตามอำนาจของความโกรธ มันจะทำให้เราเดือดร้อนเอง ลูกหลานก็จะพลอยเดือดร้อนด้วย



ในระยะกลางวิธีหนึ่งที่จะเยียวยาความเจ็บปวดและลดทอนความเคียดแค้นก็คือการใช้กระบวนการยุติธรรม การทำความจริงให้ปรากฏ ในทุกสังคมเวลามีความขัดแย้งจนทำร้ายล้างกันระหว่างกลุ่มชน เราพบว่าความจริงและความยุติธรรมสามารถช่วยได้ มีการสอบสวนหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นใครผิดใครถูก ไม่ใช่ว่าตามข่าวลือ แล้วเอาคนผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าเจ้าหน้าที่รัฐ นปช. นักธุรกิจ ทหาร ตำรวจ นักการเมือง ถ้าตกเป็นผู้ต้องหาก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและพิสูจน์ตัวเอง ถ้ากระบวนการยุติธรรมเที่ยงธรรม สามารถหาคนผิดมาลงโทษได้ มันจะช่วยเยียวยาผู้ที่สูญเสีย ผู้ที่เจ็บปวด ไม่ว่าจะเป็นคนสีแดงหรือไม่ก็ตาม เราอย่ามองข้ามกระบวนการยุติธรรม จริงอยู่เมตตาธรรมก็ต้องมี อย่างที่พูดมากข้างต้น คืออย่าโกรธเกลียดตอบโต้กัน แต่ว่าก็ต้องใช้ยุติธรรมเข้ามา เพราะยุติธรรมเป็นธรรมะที่ทำให้ยุติได้ในระดับหนึ่ง อยากให้ใช้กระบวนการนี้ในการเยียวยาความเจ็บปวด ลดทอนความเคียดแค้น แต่มันเป็นมาตรการระยะกลาง กว่ามันจะปรากฏผลว่าใครผิดใครถูกก็ต้องใช้เวลาหลายเดือนหรืออาจเป็นปี แต่ในระยะอันใกล้นี้ทุกคนต้องตั้งสติ อย่าโกรธเกลียด หรือถ้าโกรธเกลียดก็อย่าแก้แค้นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น